สินสมรส และ สินส่วนตัว
- สินสมรสครอบคลุมเฉพาะ สามีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย
- ทรัพย์สินที่ ได้มาระหว่างสมรส ถือเป็นสินสมรส
- ทรัพย์สินส่วนตัวที่เกิดดอกผล ดอกผลของสินส่วนตัว เป็น สินสมรส
- สินสมรส และ สินส่วนตัว หลักสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ / ก่อน / จดทะเบียนสมรส
- สินส่วนตัวนำไปเป็นสินสมรสเพื่อสร้างครอบครัวนั้นง่ายๆ แต่สินสมรสนั้นเมื่อจะนำกลับมาเป็นสินส่วนตัว เมื่อไร หารสองเสมอ
- กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1474 บัญญัติว่า “ สินสมรสได้แก่ทรัพย์สิน
1) ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส
2) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือโดยการให้เป็นหนังสือ เมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ ระบุว่าเป็นสินสมรส
3) ที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว
ถ้ากรณีเป็นที่สงสัยว่าทรัพย์สินอย่างหนึ่งเป็นสินสมรสหรือมิใช่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสินสมรส ”
กล่าวคือ ทรัพย์สินที่เข้าลักษณะสามประการดังกล่าวมานั้นเป็นสินสมรส และในกรณีมีเหตุสงสัยว่าเป็นสินสมรส หรือไม่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสินสมรส เว้นแต่ว่ามีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัว
- ทำสัญญาก่อนสมรสระบุแบ่งแยกทรัพย์สินระหว่างฝ่ายหญิงและฝ่ายชายว่าทรัพย์สินใดเป็นสินเดิมหรือสินส่วนตัวที่มีมาก่อนจดทะเบียนสมรสได้
- กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1466 บัญญัติว่า “ สัญญาก่อนสมรสเป็นโมฆะ ถ้ามิได้จดแจ้งข้อตกลงกันเป็นสัญญาก่อนสมรสนั้นไว้ในทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียนสมรส หรือมิได้ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อคู่สมรสและพยานอย่างน้อยสองคนแนบไว้ท้ายทะเบียนสมรส และได้จดไว้ในทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียนสมรสว่าได้มีสัญญานั้นแนบไว้ ”
- สัญญาก่อนสมรสถ้าจะยกเลิกต้องได้รับอนุญาตจากศาล (ปพพ.มาตรา1467)
- ภายหลังการจดทะเบียนสมรสแล้ว สามีและภรรยาถือว่าเป็นหุ้นส่วนชีวิตกัน ทรัพย์สินทุกสิ่งทุกอย่างหลังจากนี้ต้องแบ่งปันกัน
- กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1471 บัญญัติว่า “ สินส่วนตัวได้แก่ทรัพย์สิน
1) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส
2) ที่เป็นเครื่องใช้สอบส่วนตัว เครื่องแต่งกาย หรือเครื่องประดับกายตามควรแก่ฐานะ หรือเครื่องมือเครื่องใช้ที่ จำเป็นในการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
3) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยการรับมรดกหรือโดยการให้โดยเสน่หา
4) ที่เป็นของหมั้น ”
- กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1472 บัญญัติว่า “ สินส่วนตัวนั้น ถ้าได้แลกเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินอื่นก็ดี ซื้อทรัพย์สินอื่นมาก็ดี หรือขายได้เป็นเงินมาก็ดี ทรัพย์สินอื่นหรือเงินที่ได้มานั้นเป็นสินส่วนตัว
สินส่วนตัวที่ถูกทำลายไปทั้งหมดหรือแต่บางส่วน แต่ได้ทรัพย์สินอื่นหรือเงินมาทดแทน ทรัพย์สินอื่นหรือเงินที่ ได้มานั้นเป็นสินส่วนตัว”
ถ้าต้องการให้เป็นสินส่วนตัว โอนกรรมสิทธิ์เสียก่อนแต่ง
ถ้าพ่อแม่จะยกที่ดินให้ บอกท่านเลยว่า อย่าพูดหรือระบุเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ให้ไว้สร้างครอบครัว เพราะแม้โอนกรรมสิทธิ์เป็นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว ที่ดินนั้นก็ยังเป็นสินสมรสอยู่ดี
- ที่ดินที่ได้มาก่อนจดทะเบียนสมรส มีหลักกฎหมายและคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นแนวทางตัดสินของศาล ดังนี้
1. ถ้าซื้อบ้านและที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ก่อนจดทะเบียนสมรส ถือเป็นสินส่วนตัว
2. ถ้าช่วยกันผ่อนแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ถือว่าแบ่งกันคนละครึ่ง แต่มิใช่สินสมรส
3. หญิงและชายซึ่งอยู่กินฉันสามีภรรยากัน หรืออยู่ด้วยกันเฉยๆ ช่วยกันทำมาหากิน แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส กัน ให้แบ่งกันคนละครึ่ง ถือว่าเป็นเจ้าของร่วม ( ฎีกาที่ 444/2507 , 2868/2530 , 3445/2526 )
4. แต่ถ้าได้มาฝ่ายเดียว อีกฝ่ายไม่เกี่ยว ถือว่าเป็นสินส่วนตัว ไม่ว่าจะได้มาโดยพินัยกรรมหรือการยกให้อย่าง หนึ่งอย่างใด ( ฎีกาที่ 515/2519 )
5. ได้กรรมสิทธิ์ก่อนจดทะเบียนสมรส ไม่ใช่สินสมรส ไม่ว่าจะได้มาโดยการซื้อ การครอบครองปรปักษ์ การครอบ ครองที่ดินมือเปล่า แม้จะออกเอกสารสิทธิภายหลังก็ตาม (เทียบฎีกาที่ 1743/2520, 2375/2532 , 812/2533 )
ฎีกาที่ 2259/2529 ของขวัญที่เป็นของใช้ในครอบครัวซึ่งญาติและเพื่อนของคู่สมรสมอบให้เนื่องในวันสมรสนั้นผู้ให้ย่อมมีเจตนาที่จะให้คู่สมรสได้ใช้สอยเมื่ออยู่ร่วมกันถ้าไม่ปรากฏว่าผู้ให้รายใดได้แสดงเจตนาไว้เป็นพิเศษว่ามอบให้แก่คู่สมรสฝ่ายใดโดยเฉพาะแล้วแม้จะเป็นของที่มอบให้ก่อนวันแต่งงาน1วันก็ตามก็ถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรสตกเป็นสินสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1474(1). ของใช้ในครอบครัวแม้จะเป็นของขวัญวันแต่งงานหรือเป็นของที่ซื้อมาหลังการสมรสแล้วก็ตามก็เป็นสินสมรส. เข็มขัดทองซึ่งเป็นของหมั้นให้แก่โจทก์นั้นเมื่อจำเลยได้ใช้ให้บุคคลภายนอกไปเอาคืนมาจากบิดาโจทก์จำเลยก็ต้องรับผิดคืนให้แก่โจทก์ด้วย.
กล่าวคือ การให้เป็นของขวัญแก่คู่แต่งงาน แม้ว่าจะมอบให้ก่อนแต่งงาน แต่ถ้ามีการระบุโดยชัดแจ้งว่า เป็นการให้เพื่อเอาไปสร้างครอบครัว ก็จัดว่าสินสมรสได้ ฉะนั้น ถ้ามีท่านใดแสดงเจตนามอบที่ดินให้ ขอให้ท่านระบุอย่างชัดแจ้งเลยว่า มอบให้เป็นทรัพย์สินส่วนตัว จะได้ชัดแจ้งกันไปไม่ยุ่งยากภายหลัง หากเกิดมีเหตุอันไม่พึงประสงค์
- ที่ดินและบ้านที่ได้มาระหว่างสมรสถือเป็นสินสมรส
การซื้อที่ดิน ใครผ่อน ใครซื้อ สามีซื้อและผ่อน หรือภรรยาซื้อและผ่อน ถือเป็นสินสมรสหมด ใช้มาตรา 1472 ที่ระบุว่า สินส่วนตัวนั้น ถ้าได้แลกเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินอื่นก็ดี ซื้อทรัพย์สินอื่นมาก็ดี หรือขายได้เป็นเงินมาก็ดี ทรัพย์สินอื่นหรือเงินที่ได้มานั้นเป็นสินส่วนตัว แต่ก็ต้องพิสูจน์หลักฐานกันจนแจ่มชัด
ที่ดินต่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผ่อนซื้อมาก่อนสมรสเป็นเวลานานสักแค่ไหนก็ตาม แต่มาดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ภายหลังจดทะเบียนสมรสแล้ว ก็ถือว่าเป็นสินสมรส
ฎีกาที่ 1288/2533 ความว่า ผู้ร้องฎีกา คดีมีทางจะชนะโจทก์ได้ ถ้าคดีต้องบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนี้แล้วจะเกิดความเสียหายกับผู้ร้องอย่างยิ่ง จึงขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างฎีกา โปรดมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 60)
คดีสืบเนื่องจากผู้ร้องยื่นคำร้องว่าการที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์สินคือ บ้านไม้ชั้นเดียวเลขที่ 18 หมู่ที่ 13 ตำบลหล่มเก่า อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 1 หลัง ราคา 10,000 บาท อ้างว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลย เพื่อขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ซึ่งผู้ร้องได้สร้างบ้านหลังดังกล่าวเมื่อต้นปี พ.ศ. 2509 และอยู่กินเป็นสามีภรรยากับนายสำราญ ตรีแจ่มในบ้านดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน มีบุตรด้วยกัน 3 คน ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายทะเบียนบ้านเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 2 ขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการยึดทรัพย์ดังกล่าวข้างต้น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 57,56)
คำสั่ง
ให้งดการขายทอดตลาดบ้านที่โจทก์นำยึดไว้ชั่วคราวในระหว่างฎีกา
กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผ่อนบ้านจัดสรรครบกำหนดตามสัญญาและโอนกรรมสิทธิ์ก่อนสมรสแล้ว แม้จะโอนชื่อเข้ามาอยู่อาศัยหลังสมรสก็ถือว่าไม่ใช่สินสมรส
ฎีกาที่ 903/2536 แม้พระภิกษุช.จะได้จดทะเบียนรับโอนที่ดินที่เช่าซื้อมาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศก็ตาม แต่พระภิกษุ ช.ได้เช่าซื้อและชำระค่าเช่าซื้อจนครบถ้วนแล้วก่อนที่จะมาบวชเป็นพระภิกษุซึ่งหากผู้ให้เช่าซื้อไม่จดทะเบียนโอนที่ดินให้ พระภิกษุ ช.ก็ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ให้เช่าซื้อโอนที่ดินได้อันเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งที่พระภิกษุ ช.มีก่อนที่จะมาบวชเป็นพระภิกษุจึงต้องถือว่าพระภิกษุ ช.ได้ที่ดินมาแล้วก่อนที่จะบวชเป็นพระภิกษุการจดทะเบียนการได้มาในภายหลังเป็นแต่เพียงทำให้การได้มาบริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรก เท่านั้นฉะนั้นเมื่อที่ดินมิใช่ทรัพย์สินที่พระภิกษุ ช.ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศจึงไม่ตกเป็นสมบัติของวัด ตามมาตรา 1623 หากแต่เป็นทรัพย์มรดกตกได้แก่บรรดาทายาทของพระภิกษุ ช.
ที่ดินที่ซื้อหลังจดทะเบียนสมรส จะใส่ชื่อใคร-สามีหรือภรรยาเป็นเจ้าของในโฉนดเพียงชื่อเดียว ก็ถือเป็นสินสมรสทั้งนั้น มิใช่เป็นสินส่วนตัวของผู้มีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว
ที่ดินซื้อขณะสมรสแต่มาโอนกรรมสิทธิ์หลังหย่าก็เป็นสินสมรส ใครผ่อนที่ดินอยู่เห็นอนาคตว่า คงต้องหย่ากันแน่ ดึงเรื่องไว้ไม่ยอมโอนกรรมสิทธิ์ ไว้หย่าแล้วค่อยไปโอน อย่างไรก็ไม่ได้เป็นสินส่วนตัว
ได้กรรมสิทธิ์หลังหย่าไม่เป็นสินสมรส ใช้ในกรณีครอบครองปรปักษ์ 10 ปี แต่หย่ากันก่อนครบ 10 ปี หรือยกให้ด้วยวาจา แต่โอนให้หลังหย่า ไม่ถือเป็นสินสมรส การครอบครองปรปักษ์เมื่อหย่า ฝ่ายที่ย้ายออกไปก็ขาดตอนการครอบครองย่อมไม่มีสิทธิ์
ฎีกาที่1036/2509 ในปี 2474 หรือ 2475 โจทก์ได้หนีตามชายชู้ไป และได้ชายอื่นเป็นสามีอีกหลายคน ส่วนสามีก็ได้ภรรยาใหม่หลายคน โจทก์กับสามีไม่ได้เกี่ยวข้องกันฉันสามีภรรยานับแต่นั้นเป็นต้นมา จนสามีถึงแก่กรรมและมูลกรณีดังว่านี้เกิดก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 และ 6 จึงต้องปรับบทตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้น พฤติการณ์ของโจทก์กับสามีจึงถือได้ว่าได้สละละทิ้งหย่าขาดกันตามกฎหมายลักษณะผัวเมียไปก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 และ 6 แล้ว โจทก์จึงไม่ได้เป็นทายาทของสามีและไม่มีสิทธิรับมรดก
บิดาของสามียกที่ดินให้สามีโดยไม่ได้โอนกันทางทะเบียนเป็นการยกให้ที่ยังไม่สมบูรณ์ ตามกฎหมายสามีจะได้กรรมสิทธิก็ต่อเมื่อได้ครอบครองมาเป็นเวลา 10 ปี ในระหว่างที่สามีครอบครองที่ดินนั้นมายังไม่ครบ 10 ปี โจทก์กับสามีได้หย่าขาดกันเสียก่อนหลายปีแล้ว ที่ดินนั้นจึงไม่เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับสามี
- เรื่องทรัพย์สินที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว
กรณีฝากเงินส่วนตัวก่อนสมรส แต่ดอกเบี้ยงอกเงยระหว่างสมรส ดอกเบี้ยเป็นสินสมรส (เงินต้นเป็นสินส่วนตัว ดอกเบี้ยเป็นสินสมรส)
ที่ดินส่วนตัวโอนกรรมสิทธิ์ก่อนสมรส หลังสมรสที่ดินราคาขึ้นขายได้กำไร ส่วนกำไรไม่ได้ถือเป็นสินสมรส
ฎีกาที่ 1775/2512 มาตรา 1744 มุ่งหมายถึงการส่งมอบทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทซึ่งมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งมรดกโดยผู้จัดการมรดกไม่มีข้อโต้แย้งสิทธินั้นอย่างใด หาใช่บทบัญญัติห้ามทายาทฟ้องผู้จัดการมรดกเพื่อตั้งสิทธิที่จะได้รับส่วนแบ่งมรดกจากผู้จัดการมรดกซึ่งโต้แย้งสิทธิของทายาทนั้นๆไม่ เมื่อปรากฏว่าที่ดินเป็นสินเดิม แม้ภายหลังการสมรสที่ดินนี้จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมมากเพียงใดก็ตาม ที่ดินดังกล่าวก็ยังมีสภาพเป็นสินเดิมอยู่นั่นเอง ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นหาใช่ดอกผลของที่ดินไม่ จึงแยกถือเอาราคาในส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นสินสมรสไม่ได้
การที่เป็นสินสมรสนั้นย่อมผูกพันต่อเนื่อง อาทิ ที่ดินสินสมรสจะแปรสภาพอย่างไร ขายไปได้เงินซื้อที่ดินแปลงใหม่ขายไปซื้อใหม่ หรือเอาเงินนั้นรับซื้อฝากที่ดินแล้วได้ที่ดินหลุดมาเป็นกรรมสิทธิ์ ที่ดินนั้นก็เป็นสินสมรสอยู่ดี